วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เรื่อง ท่องโลกทั้งใบไปกับ Google Earth


Google Earth
      Google Earth นับเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของ Google ในการสร้างระบบติดต่อกับผู้ใช้งาน (user interfacing) เพื่ออำนวยความสะดวกในการค้นหาข้อมูลและทำให้การแสดงผลข้อมูลมี ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในครั้งนี้ Google ได้นำเอาภาพถ่ายทางอากาศและภาพถ่ายจากดาวเทียมมาผสมผสานกับเทคโนโลยี streaming และทำการเชื่อมโยงข้อมูลจากฐานข้อมูลของ Google เองเพื่อนำเราไปยังจุดต่าง ๆ ที่ต้องการบนแผนที่โลกดิจิตอล (VMaster, 2549)
ประวัติบริษัทและเว็บไซต์ Google
ช่วงก่อตั้ง  กูเกิล ก่อตั้งโดยแลร์รี่ เพจ และเซียร์เกย์ บริน เริ่มต้นพัฒนามาจากโครงงานวิจัยซึ่งเป็นวิทยานิพนธ์ ในช่วงที่กำลังศึกษาปริญญาเอกอยู่ที่ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกา
ในปี
ค.ศ. 1996 โดยใช้ชื่อโครงงานว่า แบ๊กรับ (Backrub) ที่แปลว่า "การเกาหลัง" โดยเน้นเนื้อหาในการค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ซึ่งในขณะนั้นมีเว็บไซต์สำหรับค้นหาอยู่มาก แต่ไม่มี
ประสิทธิภาพเท่าที่ควร ทั้งเพจและบรินได้ตัดสินใจทดสอบประสิทธิภาพของระบบการค้นหาของตน โดยจดทะเบียน
โดเมนเนม Google วันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 1997 ภายหลังได้ก่อตั้งบริษัทชื่อกูเกิล

ในปี ค.ศ. 1998 ต่อมากูเกิลได้เปิดให้ผู้พัฒนาโปรแกรมคนอื่นสามารถนำโค้ตกูเกิลไปใช้ได้โดยใช้ฐานข้อมูลจากทางกูเกิล ตัวอย่างบริษัทที่ใช้ได้แก่ มูลนิธิมอซิลลา ผู้พัฒนาเบราเซอร์ ไฟร์ฟอกซ์
บริษัท แอปเปิล คอมพิวเตอร์ ผู้พัฒนาเบราว์เซอร์ ซาฟารี
การเปลี่ยนเป็นบริษัทมหาชน
ในปี พ.ศ. 2547 ได้เปลี่ยนเป็นบริษัทมหาชนและเข้าตลาดหุ้นแนสแด็ก (NASDAQ) โดยใช้ดัชนีชื่อ GOOG หุ้นของกูเกิลในช่วงทำ Initial Public Offering (IPO) มีมูลค่าสูงขึ้นมากกว่า 200% ในช่วงปิดตลาดหุ้นของวันแรกที่ได้ประกาศ (เปรียบเทียบกับ ไบดู เสิร์ชเอนจินของประเทศจีน มูลค่าเพิ่มขึ้น 354% ในช่วงปิดตลาดวันแรก วันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2548)
ชื่อ Google
ชื่อ "Google" มาจากคำว่า "googol" ซึ่งหมายถึงจำนวนทางคณิตศาสตร์ที่หมายถึงเลข 1 แล้วตามด้วยเลข 0 อีกหนึ่งร้อยตัว หรือ 10100 เพื่อเป็นการแสดงถึงเป้าหมายของบริษัทที่จะจัดการกับข้อมูลจำนวนมหาศาล อีกกระแสหนึ่งบอกว่าชื่อ Google มาจากความผิดพลาดในการจดโดเมนเนมในช่วงก่อตั้ง ในวันที่
10 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 กูเกิลชนะความในศาล ในคดีที่มีบริษัทอื่นตั้งชื่อใกล้เคียง ได้แก่ googkle.com ghoogle.com และ gooigle.com เพื่อเรียกให้คนอื่นเข้าเว็บไซต์ของตน ทำให้เกิดความเสียหายกับชื่อเสียงของกูเกิล
ระบบของโปรแกรม Google
กู เกิลเก็บข้อมูลเว็บโดยการส่งโปรแกรมเก็บข้อมูลเว็บไซต์ เรียกว่า สไปเดอร์ (spider หรืออีกชื่อคือ web crawler) ซึ่งเป็นโรบอต (robot) ชนิดหนึ่ง สไปเดอร์จะถูกส่งไปตามเว็บไซต์ โดยวิ่งไปตามลิงค์ต่าง ๆ ของแต่ละเว็บไซต์ เพื่อไปยังอีกเว็บไซต์หนึ่ง และเมื่อครบระยะเวลาหนึ่ง
สไปเดอร์จะทำการประมวลผล เพื่อจัดลำดับในการแสดงผลโดยใช้ระบบเฉพาะของทางกูเกิลเอง
ระบบจัดอันดับความเกี่ยวข้องของเว็บเพจแต่ละหน้าของกูเกิลเรียกว่า เพจแรงก์ (PageRank) ได้จด
สิทธิบัตรใน พ.ศ. 2544

ตัวอย่างบริการจากกูเกิล

1. กูเกิลเอิร์ธ ค้นหาภาพถ่ายทางอากาศ
2.
กูเกิลแอนะไลติคส์ บริการเก็บข้อมูลสถิติ
3.
กูเกิลโลคอล บริการค้นหาสถานที่ รวมถึง ร้านอาหาร ธนาคาร ห้างสรรพสินค้า
4.
จีเมล บริการฟรีอีเมลจากกูเกิล
5.
www.google.com กูเกิลเซิร์ชเอนจิน
6.
www.google.co.th กูเกิลประเทศไทย
7.
www.google.com/dirhp ค้นหาข้อมูลตามหมวดหมู่ ข้อมูลจาก DMOZ
8.
images.google.com กูเกิลค้นหารูปภาพ
9.
talk.google.com กูเกิลทอล์ค เมสเซนเจอร์ของกูเกิลโดยใช้จีเมล
10.
google personalized กูเกิลเพอร์ซอนาไลส์
11.
map.google.com กูเกิลแม็พ ค้นหาแผนที่
12.
scholar.google.com กูเกิลสคอลาร์ ค้นหาเอกสารทางวิชาการ
13.
blogsearch.google.com กูเกิลบล็อกเซิร์ช ค้นหาบล็อก
14.
video.google.com กูเกิลค้นหาวีดีโอ

นอก จากนี้กูเกิลกำลังพัฒนาการค้นหาระบบอื่น เช่น การค้นหาวีดีโอไฟล์ และ การค้นหาผ่านข้อความ SMS ผ่านโทรศัพท์มือถือ (วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, 2548)

ความเป็นมา Google Earth

DigitalGlobe ทำงานร่วมกับ Google มาตั้งแต่ พ.ศ.2545 เพื่อนำข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมมาสู่ผู้ใช้ทั่วไปทุกครั้งที่เราเปิดโปรแกรม Google Earth จึงมักจะเห็นข้อความว่า Image © 2005 DigitalGlobeนั่นคือ ภาพถ่ายดาวเทียมส่วนใหญ่ของ Google Earth เป็นภาพที่จัดทำโดย Digital Globe บริษัท DigitalGlobe เกิดขึ้นจากการรวมตัวของผู้ใช้ GIS และผู้ใช้แผนที่ เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายภาพถ่ายดาวเทียมความละเอียดสูงให้กับผู้ใช้ทั่วไป โดยผ่านทางอินเตอร์เน็ต
www.DigitalGlobe.com ภาพถ่ายดาวเทียมที่บริษัทนี้จัดจำหน่าย มีความละเอียดขนาด 60 ซม. (panchromatic) และ 2.44 เมตร(multispectrum) ซึ่งถือว่ามีความละเอียดสูงที่สุดเท่าที่มีจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในปัจจุบัน

สำนัก งานใหญ่ของบริษัทอยู่ที่สหรัฐอเมริกา และมีบริษัท DigitalGlobe Asia อยู่ที่สิงคโปรอีกด้วย ภาพถ่ายได้จากดาวเทียม QuickBird ซึ่งมีความสามารถถ่ายภาพได้ถึงปีละ 70 ล้านตารางกิโลเมตร ดาวเทียมดวงนี้ปล่อยขึ้นสู่อวกาศเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2544 มีวงโคจรสูงจากพื้นโลก 450 กิโลเมตร ถ่ายภาพได้ครั้งละ 16.5x16.5 กิโลเมตร โคจรหนึ่งรอบถ่ายภาพได้ประมาณ 57 ภาพ
คิดเป็นข้อมูล 128 gigabits ในอนาคตไม่เกินปี 2550 DigitalGlobe มีโครงการส่งดาวเทียม WorldView ขึ้นสู่อวกาศ ซึ่งมีความละเอียดสูงขึ้นอีก (50 ซม. panchromatic และ 2.0 เมตร multispectrum)
เราสามารถเข้าไปดูภาพถ่ายตัวอย่างที่มีจัดจำหน่ายได้โดยเข้าไปในเว็บ
www.DigitalGlobe.com แล้วคลิกที่ImageLibrary ภาพถ่ายเหล่านี้สามารถสั่งซื้อได้จากหน่วยงานที่เป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศ ไทยคือ GISTDA และบริษัท SCITEK KRUNGTHEP CO.,LTD (พุทธพร ส่องศรี, 2549)

ความหมายของ Google Earth

Google Earth เป็นโปรแกรมสำหรับค้นหาพื้นที่ต่างๆ บนโลก โดยภาพที่มองเห็นเป็นภาพจากสัญญาณดาวเทียม ที่ผสมผสานกับเทคโนโลยี streaming และทำการเชื่อมโยงข้อมูลจากฐาน
ข้อมูลของ Google เพื่อนำเราไปยังจุดต่าง ๆ ที่ต้องการบนแผนที่โลกดิจิตอล ที่แสดงพื้นที่จริงบริเวณนั้น ซึ่งเราสามารถซูมเข้าดูรายละเอียด หรือค้นหาตำแหน่งสถานที่สำคัญ เช่น โรงแรมที่พัก สถานีตำรวจ หรือเส้นทางการเดินรถ แผนที่นี้เกิดจากการสะสมภาพถ่ายจากหลาย ๆ แหล่งข้อมูล จากดาวเทียมหลายดวง เพียงแต่นำมาประติดประต่อกันเสมือนกับว่าเป็นผืนเดียวกัน แต่ละจุดจะมีความละเอียดของภาพถ่ายไม่เท่ากัน แต่ด้วยความสามารถในการประมวลผลภาพถ่ายทำให้เราเสมือนกับว่าเป็นพื้นเดียว กัน จากนั้นก็นำเอาข้อมูลอื่น ๆ มาซ้อนทับภาพถ่ายเหล่านี้อีกชั้นหนึ่ง ซึ่งแต่ละชั้น (layer) ก็จะแสดงรายละเอียดต่างเช่น ที่ตั้งโรงพยาบาล สถานีตำรวจ สนามบิน และชั้นของข้อมูลอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งแบบที่ Google จัดเตรียมไว้ให้แล้ว หรือ มีบริษัทอื่น ๆ มาในบริการชั้นข้อมูลเหล่านี้ รวมไปถึงชั้นข้อมูลที่เรากำหนดขึ้นเอง ประโยชน์ที่ได้รับถือว่ามากมายมหาศาล บริการนี้ช่วยให้เราศึกษาข้อมูลก่อนเดินทางได้เป็นอย่างดี ทำให้เราสามารถค้นหาที่ตั้งของโรงแรมที่เราจะเดินทางไปพัก เส้นทางต่าง ๆ ของเมืองที่เราจะเดินทางไป รวมถึงแหล่งข้อมูลอื่น ๆ เช่น สภาพดินฟ้าอากาศแต่ที่สำคัญที่สุดคิดว่าน่าจะเป็นการนำเอา Google Earth มาเป็นสื่อในการเรียนรู้ ในทุก ๆ ระดับการศึกษา รวมไปถึงการเรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นครั้งแรก ที่ทำให้เราเข้าถึงภาพถ่ายดาวเทียมและภาพถ่ายทางอากาศได้อย่างสะดวกและรวด เร็ว คิดว่าเครื่องมือนี้จะทำให้เราเข้าใจโลกของเราได้มากขึ้น
เครื่อง มือที่อยู่ภายใต้ความสำเร็จนี้คือ XML (Extensible Markup Language) ซึ่งมีการกำหนดคุณสมบัติพิเศษขึ้นมาและเรียกว่า KML (Keyhole Markup Language) Google ใช้ KML นี้ในการสร้างชั้นข้อมูลต่าง ๆ การแสดงข้อมูลทั้ง จุด ลายเส้น หรือรูปหลายเหลี่ยมต่าง ๆ ล้วนสร้างมาจาก KML ทั้งสิ้น เวอร์ชันปัจจุบันเรียกว่า KML 2.0 ส่วนรูปแบบที่จัดเก็บไว้จะเป็นรูปแบบที่ประหยัดพื้นที่เรียกว่า KMZ ซึ่งกับคือ zip format ของ KML นั่นเอง
สำหรับรูปแบบการทำงานของ Google Earth นั้นก็จะเป็นการทำงานแบบ client-server โปรแกรมส่วนที่พวกเราใช้งานจะเรียกว่า Google Earth client ซึ่ง Google ให้เรามาใช้งานฟรี เพื่อดูข้อมูลต่าง ๆ ภายใต้ข้อจำกัดเกี่ยวกับรายละเอียดของภาพ แต่จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้ฟรีจริง ๆ นะ เพราะเขาก็จะได้ประโยชน์จากพวกเราในแง่ข้อมูลต่าง ๆ ที่พวกเราเข้าไปค้นหา และสะสมความรู้ที่ได้จากการค้นหาของพวกเราไว้ใช้งานต่อไป
นอกจาก Google จะให้บริการแบบไม่คิดค่าใช้บริการแล้ว ยังมีการให้บริการในรูปแบบอื่นๆ อีกด้วย ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีความสามารถที่แตกต่างกัน เช่น สามารถนำข้อมูลจาก GPS receiver มาประกอบข้อมูลของ Google Earth ได้ รวมถึงการให้บริการสร้าง server ของตนเองขึ้นมาโดยการนำข้อมูลมารวมกับแหล่งข้อมูล GIS ของเราเองได้อีกด้วย (VMaster, 2549)

ประเภทของ Google Earth

Google Earth ได้แบ่งบริการออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ (กิรติ ทิพย์ทินกร, 2548: 115-117)
1. Google Earth เป็นบริการภาพถ่ายจากดาวเทียม สามารถค้นหาสถานที่ต่างๆ เช่น โรงเรียนหรือโรงพยาบาล (ค่อนข้างละเอียดสำหรับประเทศอเมริกา แต่ข้อมูลเรื่องสถานที่ในบ้านเราไม่ค่อนละเอียดสักเท่าไร มีเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ) บริการ Google Earth ส่วน นี้มีให้ใช้ฟรี สามารถอัพเกรด เป็น Google Earth Plus ในภายหลังได้
2. Google Earth Plus เป็นบริการสำหรับใช้ในการพาณิชย์หรือเชิงธุรกิจจะมีข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ ที่ละเอียดมากขึ้น สามารถดูภาพในลักษณะ 3 มิติได้ ส่วนนี้จะคิดค่าบริการ 400 เหรียญสหรัฐฯ ต่อปี
3. Google Earth Enterprise Solution สำหรับลูกค้าที่ต้องการบริการที่จำเพาะเจาะจงมากกว่าการใช้งานปกติ แล้วต้องการอาศัย Data Base ของ Google ในการพัฒนา แอพพลิเคชันให้เหมาะสมกับความต้องการ

ความสามารถของโปรแกรม

การ รันโปรแกรมที่จะใช้ในการดูแผนที่ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสอบว่าซอฟต์แวร์นั้นๆ รองรับกับระบบปฏิบัติการและฮาร์ดแวร์ของเครื่องคอมพิวเตอร์หรือไม่ ซึ่งการที่เราจะใช้งานโปรแกรม Google Earth นี้ จำเป็นอย่างยิ่งว่าจะต้องมีทรัพยากร หรือสเปคของเครื่องที่สูงพอสมควร ลองคลิกเข้าไปดูในเว็บไซต์ ที่ เมนู Get Google Earth จะบอกรายละเอียดของเครื่องของระบบการโดยละเอียดแถมยังบอกว่าการที่จะเล่น Google Earth ให้ได้ดีมีประสิทธิภาพควรจะมีสเปคของเครื่องเท่าไร (ไอ้จุก, 2548: 44-46)

สเปคคอมพิวเตอร์ที่ใช้สเปคต่ำสุดที่รองรับ
- ระบบปฏิบัติการ Windows 2000, Windows XP
- ความเร็วของ CPU speed: Intel Pentium III 500 MHz
- หน่วยความจำ System memory (RAM): 128MB
- ฮาร์ดดิสก์ 200MB hard-disk space
- การ์ดแสดงผลแบบ 3D : 3D-capable video card with 16MB VRAM
- ความละเอียดของจอ 1024x768, 32-bit true color screen
- ความเร็วในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต speed: 128 kbps ("Broadband/Cable Internet")

สเปคที่แนะนำ
- ระบบปฏิบัติการ Windows XP
- ความเร็วของCPU speed: Intel® Pentium® P4 2.4GHz+ หรือ AMD 2400xp+
- หน่วยความจำSystem memory (RAM): 512MB - ฮาร์ดดิสก์ 2GB hard-disk space
- การ์ดแสดงผลแบบ 3D : 3D-capable video card with 32MB VRAM or greater
- ความละเอียดของจอ 1280x1024, 32-bit true color screen
- ความเร็วในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต speed: 128 kbps ("Broadband/Cable Internet")

การใช้งาน Google Earth
วิธีการติดตั้ง

1. ต้องไป DOWNLOAD โปรแกรม GOOGLE EARTH มาก่อนที่ http://earth.google.com/ ---> Downloads ---> Google Earth แล้วจะมีหน้าแบบด้านล่างขึ้นมา ให้กดไปที่ปุ่ม "I'm good. Download GoogleEarth.exe" (ประเภทของโปรแกรม GOOGLE EARTH, ม.ป.ป.)

2. เมื่อ DOWNLOAD เสร็จ ก็ให้ติดตั้ง แล้วจะมี ICON ดังด้านล่าง

3. เปิดโปรแกรม ต่อ Internet แล้วค่อยเปิดโปรแกรม จะเป็นแบบด้านล่างนี้

การใช้งานเบื้องต้น1. ให้ดูที่ MENU ด้านล่างของโปรแกรม จะเป็นแบบนี้

โดยแต่ละปุ่มมีหน้าที่ดังนี้
วงกลมสีแดง คือ มีหน้าที่ ZOOM เข้า หรือ ZOOM ออก (โดย เครื่องหมาย + คือ ZOOM เข้า และ เครื่องหมายลบ คือ ZOOM ออก)
วงกลมสีน้ำเงิน คือ มีหน้าที่เลื่อนภาพไปตามทิศต่างๆ (ใช้ MOUSE ง่ายกว่า)
วงกลมสีน้ำตาล คือ มีหน้าที่หมุนภาพไปทาง ซ้าย - ขวา
วงกลมสีม่วง คือ มีหน้าที่ให้ภาพวางตัวในแนวทิศเหนือ
วงกลมสีขาว คือ ปุ่ม RESET
วงกลมสีเขียว คือ มีหน้าที่ปรับมุมของภาพ
สี่เหลี่ยมสีแดง คือ มีหน้าที่ปักหมุดสถานที่ต่างๆที่เราต้องการ
สี่เหลี่ยมสีน้ำเงิน คือ PRINT ภาพที่เราต้องการ
สี่เหลี่ยมสีเขียว คือ ส่งภาพไปทาง E-MAIL

2. ที่นี้จะไปตรงไหนของโลกก็ใช้ MOUSE เลือกเอาเลยครับ แล้วต้องการดูตรงไหนก็เลือก ZOOM ตรงจุดนั้น

3. โดย ZOOM ได้ถึงเห็นคน เห็นรถวิ่งเลย แต่บางจุดแค่หลังคาบ้านก็ไม่เห็นแล้ว (ตรง AMERICA เห็นชัดที่สุด)

ภาพจากประเทศอเมริกา (เห็นรถ และคนอย่างชัดเจน)

4. ประเทศไทย เห็นได้ค่อนข้างชัด โดยเฉพาะกรุงเทพ และละแวกข้างเคียง

ภาพจากกรุงเทพ ตรงแถวๆสะพานพระราม 8 ก็เห็นได้ชัดเจนทีเดียว

5. หมู่บ้านแถวจังหวัดนนทบุรี

การใส่ตำแหน่งของเมืองหรือประเทศแล้วให้ไปที่จุดนั้น1. คลิก Fly To ในแถบด้านซ้ายคลิกชื่อประเทศที่ต้องการ แล้วก็กด SEARCH

2. จะได้ภาพประเทศจีนซึ่งถ้า ZOOM ได้เลย

โดยในภาพด้านล่างจะเป็นที่ เมืองต้องห้าม อยู่ตรงข้ามกับจตุรัสเทียนอันเหมิน
การ SAVE รูปภาพที่ต้องการ
ไปที่ File ---> Save Image แล้วจะมีหน้าต่างให้เลือกว่าจะ SAVE ที่ไหนขึ้นมา

การปักหมุดสถานที่ที่ต้องการ
1. ไปคลิ๊กที่ รูปหมุดใน MENU ล่างด้านซ้าย แล้วเลือกไปที่ Placemark


2. แล้วจะมีหมุด และหน้าต่าง ขึ้นมา ให้เราลากหมุดไปยังตำแหน่งที่ต้องการ

3. แล้วใส่ชื่อที่ต้องการลงไป แล้วกด OK


4. แล้วในตำแหน่งที่เราปักหมุด ก็จะมีหมุดแสดงอยู่ด้วย


การไปยังสถานที่ ที่เราเคยปักหมุดไว้
ก็ ให้ DOUBLE CLICK ไปยัง ICON หมุด ที่อยู่หน้าชื่อสถานที่ต่างๆ ที่อยู่ใน MENU Places ด้านซ้ายเพียงเท่านี้โปรแกรมก็จะพาไปยังตำแหน่งที่ปักหมุดไว้ได้




ประโยชน์ ในการประยุกต์ใช้ Google Earth ในด้านต่างๆ

การให้บริการ Google Earth ทำให้เกิดการให้บริการทางด้านต่างๆมากมาย เช่น
1. การทหารและการป้องกันประเทศ
2. นักธรณีวิทยา ใช้สำรวจทรัพยากรธรรมชาติ เขตพื้นที่ป่าถูกทำลาย
3. กรมพัฒนาที่ดิน การสำรวจหาพื้นที่พัฒนาที่ดิน
4. ด้านสถาปัตยกรรม และการก่อสร้างแสดงรูปแบบของโครงการในรูปแบบของ โมเดลของโครงการที่จะสร้างขึ้นมาว่า มีลักษณะเป็นอย่างไรเมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ
5. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรือพวกนายหน้าค้าที่ดิน ใช้อ้างอิงที่ดิน นำข้อมูลได้ในมี
การ แสดงภาพการพัฒนาที่ดิน ทำให้ผู้เกี่ยวข้อง ตั้งแต่แหล่งเงินของโครงการ ไปจนถึงผู้ซื้อ สามารถมองเห็นรูปแบบของโครงการได้อย่างชัดเจน ทำให้การประเมินศักยภาพของโครงการเป็นไปด้วยความสะดวกการวางแผนการจัดการ เกี่ยวกับผู้อยู่อาศัยก็สามารถ เห็นภาพได้อย่างชัดเจน
6. ธุรกิจค้าปลีกย่อย หาที่ตั้งทำเลในการทำธุรกิจ
7. ครูภูมิศาสตร์ สามารถใช้แผนที่ในการประกอบการเรียนการสอน
8. นักท่องเที่ยว รู้เรื่องเส้นทางและข้อมูลเรื่องอาหาร ที่พัก ที่เที่ยว
9. และบุคคลที่สนใจทั่วไป ไม่ว่าจะศึกษาทางด้านภูมิศาสตร์ ใช้สำรวจพื้นที่

ข้อเสียของ Google Earth

1. มีลักษณะคล้ายกับการโจรกรรมทางทหาร หรือ อาจจะเรียกว่า ดาวเทียมโจรกรรม
เป็นการขโมยข้อมูล
2. ภาพถ่ายดาวเทียมอาจจะไปบันทึกภาพสิทธิส่วนบุคคล เช่น ภายในรั้วบ้านที่มีสระน้ำ
3. จะต้องใช้คอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วสูง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น